รวบ “อ๊อฟ บ้านช่าง” ตืบกิ๊กยับหลังเห็นภาพบาดใจ ฉุนเพื่อนรักหักหลังคบซ้อน เยาะเย้ยที่อ้างรู้จักตำรวจเพราะกลัวถูกล้างแค้น
จากกรณีได้รับการร้องเรียน จากนายเพชรชัย หรืออาร์ม อายุ 22 ปี หลังถูกวัยรุ่นทราบชื่อคือ อ๊อฟ แก๊งบ้านช่างพัทยา ทำร้ายร่างกายอย่างป่าเถื่อน พร้อมทั้งถ่ายคลิปวีดีโอไปประจานประกาศศักดารู้จักตำรวจไม่เกรงกลัวใคร ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.46 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.พัทยา พ.ต.ท.สิทธาภรณ์ แท้เที่ยง สว.สส.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.เมืองพัทยา ควบคุมตัว นายอัศดายุ หรือ อ๊อฟ บ้านช่าง อายุ 28 ปี มา สอบสวนที่ห้องสืบ สภ.เมืองพัทยา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่าหลังทราบเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ นำกำลังลงพื้นหาเบาะแสผู้ก่อเหตุทันที เพราะนอกจากที่มีผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับความเสียหายจากการถูกกล่าวอ้างถึงจากผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งสามารถแกะรอยตามไปควบคุมตัวได้ที่ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งขณะที่เจ้าตัวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รีบลุกวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อย แต่สุดท้ายไปไม่รอดก็ต้องยอมจำนนแต่โดยดี ส่วนสาเหตุที่เกิดความล่าช้านั้น ในการจับกุมนั้น เนื่องจากในวันที่เกิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชิญทั้งสองฝ่ายมาโรงพักแล้ว แต่ด้วยความเป็นเพื่อน ทั้งคู่ ตกลงไม่แจ้งความดำเนินคดี และได้ทำการเปรียบเทียบปรับทะเลาะวิวาทไป จนกระทั่งคนเจ็บเข้าร้องเรียน เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมตัวดังกล่าว
สอบถาม นายอัศดายุ หรืออ๊อฟ บ้านช่าง พัทยา ยอมเปิดใจว่า ตนเองยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุเพราะตนเองถูกนายอาร์ม คนเจ็บ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน เยาะเย้ย แต่กลับแอบมาคบซ้อนกับแฟนสาว รวมไปถึงภาพบาดตาบาดใจที่บุกไปเจอแฟนสาวกับเพื่อนรัก อยู่ในห้องพักรายวัน แบบสองต่อสอง จึงลากคอออกมาทำร้ายที่อื่น เพราะเกรงว่าทางห้องพักจะเดือดร้อนไปด้วย ส่วนที่ตนเองอ้างว่า รู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เพียงแค่จะข่มขู่ ไม่ให้คู่กรณียกพวกมาล้างแค้น ก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างถึงด้วย
เบื้องต้น พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.พัทยา สอบปากคำนายอัศดายุ หรือ อ๊อฟ บ้านช่าง อายุ 28 ปี ซึ่งเจ้าตัวคอตกยอมรับสารภาพ ยอมจำนนต่อหลักฐานที่เพื่อนบันทึกภาพวีดีโอในขณะก่อเหตุไว้ อย่างไรก็ตาม การแจ้งข้อกล่าวหานั้นจะต้อง เชิญตัวคู่กรณีมาสอบปากคำเพิ่ม รวมถึงดูผลวินิจฉัยจากแพทย์ ในเรื่องของอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือ ผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
Views: 3